เด็กอัจฉริยะ... เป็นมาแต่เกิด หรือต้องฝึกฝน


เรื่อง โยธิน อยู่จงดี


เชื่อเถอะว่า ใครๆ ก็อยากให้ลูกของตัวเองเก่ง เป็นเด็กเด่นเด็กดัง ฉลาดเลิศเกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน ความต้องการส่งเสริมลูกๆ ให้กลายเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ ทำให้เกิดสถาบันฝึกฝนทักษะพัฒนาสมองด้วยคณิตศาสตร์มากมายหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกๆ กลายเป็นเด็กเก่ง เด็กอัจฉริยะ
แต่สถาบันเหล่านี้ดีจริงสำหรับเด็กๆ หรือจะเป็นทางเลือกของพ่อแม่ที่ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นด้วยความกดดันกันแน่...

*สถาบันฝึกสมองกับการเรียนยุคใหม่
น้องก้อง (ด.ช.ก้องเกียรติ ทิพย์รัตน์) เป็นเด็กที่มีแววเก่งทางคณิตศาสตร์มาก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่จุดอ่อนของเขาก็คือ ความรอบคอบในการคิดคำนวณ ทำให้ได้คำตอบที่ผิดไปบ้าง ประกอบกับได้ยินเพื่อนๆ แนะนำให้ส่งลูกไปเรียนสถาบันปั้นเด็กอัจฉริยะเหล่านี้ดูพญ.สิริมา ทิพย์รัตน์ เล่าถึงปัญหาของลูกก่อนตัดสินใจกับคู่ชีวิต (นพ.กฤษดา ทิพย์รัตน์ โรงพยาบาลเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา) ส่งน้องก้องเข้าไปเรียนในสถาบันเหล่านี้
หลังจากตัดสินใจอย่างแน่นอน ทั้งคู่ได้ตระเวนหาที่เรียนอยู่หลายที่ จนลงเอยที่สถาบันแห่งหนึ่งที่เรียนแบบใช้จินตนาการเป็นหลัก แต่หลังจากน้องก้องเรียนไปได้ระยะหนึ่ง ทั้งคู่ก็พบว่าลูกยังคงเหมือนเดิมกับตอนก่อนเข้าไปเรียน จึงจำเป็นต้องให้น้องก้องย้ายที่เรียนใหม่อีกครั้ง
คุมอง / ซากาโมโตะ / สมาร์ทเบรน สถาบันชื่อดังเหล่านี้ล้วนขึ้นชื่อเรื่องพัฒนาทักษะสมองด้านคณิตศาสตร์ ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือพัฒนาทักษะด้านการคิด การคำนวณ ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานที่ใช้วัดความสามารถของเด็กๆ ได้ดีกว่าวิชาอื่นๆ แต่แตกต่างกันเพียงรูปแบบการฝึก และแนวทางการคิดในแบบเฉพาะตัวเท่านั้น
สมาร์ทเบรน เป็นชื่อแรกๆ ที่คนไทยเรารู้จักกันดีในชื่อของคณิตคิดเร็ว ด้วยการใช้ลูกคิด ขณะที่จินตนาการเข้ามาช่วยในการคำนวณเพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำ ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนและแฟรนไชส์ทั้งหมดเป็นของคนไทย ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ในขณะที่ คุมอง ก็เป็นอีกสถาบันที่มีสาขาการสอนมากกว่า 43 ประเทศ เน้นให้เด็กๆ ได้ทำโจทย์ปัญหาในระดับต่างๆ ในเวลาที่จำกัด จนสมองสามารถคำนวณผลลัพธ์ของโจทย์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
และสุดท้าย ซากาโมโตะ สถาบันน้องใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาเผยแพร่ในบ้านเราไม่กี่ปีมานี้ จะใช้เรื่องของกระบวนการคิดตีความด้วยภาพจินตนาการเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาโจทย์ระดับต่างๆ ที่มีความซับซ้อนของโจทย์ เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวโดยไม่จำกัดวิธีการคิด
ทั้ง 3 สถาบันการสอนนี้เป็นสถาบันหลักๆ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้ปกครองในปัจจุบัน ไม่นับรวมสถาบันพัฒนาสมองด้วยแนวคิดอื่นๆ อีกไม่น้อยที่เกิดและดับไปอย่างรวดเร็ว

**เมื่อลูกเรียนรู้ พ่อแม่ก็ต้องเรียนรู้
สวาสดิ์ มิตรอารีย์ ประธานสมาคมสมาร์ทเบรน และผู้ก่อตั้งสถาบันสมาร์ทเบรน ให้คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองและเด็กๆ ที่จะเข้ามาเรียนในสถาบันเหล่านี้ว่า การส่งเด็กเข้ามาเรียนในสถาบันเหล่านี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออย่ากดดันเด็ก อย่าเอาลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นอันขาด นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญ
การกดดันลูกว่าต้องทำให้ได้ และเอาเด็กไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น เป็นปัญหาที่เราพบได้บ่อยมาก ที่จะทำให้เด็กเกิดความเครียดในการเรียน ปัญหาเหล่านี้ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ครูผู้สอนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ในการแก้ปัญหาของเด็กจะดีที่สุด
ด้วยกระบวนการเรียนการสอนในหลักสูตรที่เราตั้งเอาไว้ จะมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้เรียนอย่างไม่เครียด และรู้สึกสนุกในการคิดแก้ปัญหาโจทย์ต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อเรียนไปเรื่อยๆ จนถึงระดับที่เด็กสามารถจินตนาการลูกคิดในใจได้เอง เขาจะสามารถคำนวณโจทย์ที่มีความซับซ้อนหลายชั้นได้อย่างรวดเร็วและมีสมาธิมากขึ้น
ส่วนเรื่องทักษะด้านอีคิว (Emotional Quotient ความฉลาดทางอารมณ์) เอ็มคิว (Moral Quotient ความฉลาดทางศีลธรรมจรรยา) นั้น จะเป็นสิ่งที่ตามมาเอง ในระหว่างการเรียนการได้พูดคุย ได้คิด ได้เล่นกับเพื่อนที่เรียนอย่างเดียวกันในบรรยากาศที่ไม่มีการแข่งขัน สิ่งที่อยากเน้นมากที่สุดก็คือ ตัวผู้ปกครองเองอย่ากดดันลูกเป็นอันขาด และเด็กๆ จะมีความสุขกับการเรียนและมีพัฒนาการด้วยตัวของเขาเอง
รายของน้องก้อง หลังพลาดหวังจากสถาบันแรก พญ.สิริมาได้มองดูที่เรียนสำหรับน้องก้องอยู่หลายที่ จนตัดสินใจเลือกให้น้องก้องเรียนที่ซากาโมโตะ ซึ่งได้คำแนะนำจากคนใกล้ชิด และดูแล้วว่ารูปแบบการเรียนการสอนน่าจะเหมาะสมกับน้องก้อง ที่มีปัญหาเรื่องความรอบคอบในการตัดสินใจมากที่สุด ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้เป็นพ่อแม่
พัฒนาการด้านคณิตศาสตร์ของน้องก้องนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยทำโจทย์ได้ 40-45 ก็ได้เป็น 48-50 จากคะแนนเต็ม 50 อยู่ตลอด ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ก็ได้คะแนนเต็มเกือบทุกครั้ง โชคดีอยู่

จาก โพรต์ทูเดย์ 11-12-06

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม