โรคแม่ทำ

Rating:★★★★★
Category:Books
Genre: Parenting & Families
Author:ศ.นพ.ชิเงโมริ คิวโทกุ กุ
...หนังสือที่เผยถึงความละเอียดอ่อนของ การเลี้ยงดูเด็กที่พ่อแม่ทุกคนต้องเรียนรู้
สิ่งที่ฝังรากลึกทางจิตและกายของเด็ก จากการเลี้ยงดูอย่างผิดๆ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งที่ทะนุถนอมด้วยความรัก หรือปล่อยปละละเลย.....


ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ชิเงโมริ คิวโทกุ กุมารแพทย์แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้แสดงให้วงการแพทย์เห็นว่า กลไกการเกิดโรคของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ชั้นสูงนั้น สลับซับซ้อนมากไปกว่าสัมผัสระหว่างเซลล์กับเชื้อโรคเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เป็นสาเหตุสำคัญในการเจ็บป่วยของมนุษย์
ปัจจัยสำคัญที่นายแพทย์ ชิเงโมริ คิวโทกุ ค้นพบก็คือ ความสัมพันธ์ในวัยเด็กระหว่างแม่กับลูก นั่นเอง
ความสัมพันธ์ในวัยเด็กที่ถูกต้องระหว่างแม่กับลูกจะเป็นทั้ง พลังงาน ที่จะเสริมสร้างให้เด็กเติบโตอย่างแงแรงทั้งกายและใจ และจะเป็นทั้งภูมิคุ้มกัน ที่จะทำให้เด็กสามารถจะยืนยัดได้อย่างเข้มแข็ง ท่ามกลางสภาวะแวดล้องของธรรมชาติและในสังคมมนุษย์
ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ในวัยเด็กที่ไม่ถูกต้อง จะเปรียบเสมือน เชื้อร้าย ที่กัดกินทั้งร่างกายและจิตใจของเด็ก จนทำให้เด็กที่สมบูรณืกลายสภาพเป็นผู้ป่วยที่สร้างปัญหาให้กับวงการแพทย์เป็นที่สุด
ใครที่พบเด็กเจ็บป่วยด้วยโรคประหลาด ที่แพทย์เองก็ไม่ทราบสาเหตุและไม่ทราบวิธีรักษา ขอให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู ท่านอาจเป็นคนแรกที่ค้นพบสาเหตุของโรค และอาจเป็นคนแรกที่รักษาโรคของเด็กคนนั้นสำเร็จก็ได้
ศ.นพ. สมอาจ วงษ์ขมทอง (ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานอาเซียน มหาวิทยาลัย มหิดล)

***************************
นายแพทย์ผู้แต่งได้สรุปลักษณะหลายๆอย่างให้ลองสังเกตตัวเองดู
จุดบกพร่องลักษณะของแม่ที่อาจส่งผลต่อลูก
1. ไม่ค่อยจะชอบเด็ก ไม่คิดว่าเด็กๆจะน่ารัก
2. ไม่คิดว่าการมีลูกเป็นเรื่องมีความสุข คิดว่ายิ่งมีน้อยยิ่งดี
3. รู้สึกกังวลกับการเลี้ยงดูเด็กอย่างมาก
4. ไม่อยากจะเสียเวลาให้กับการเลี้ยงเด็ก ชอบเด็กที่เงียบๆและวิธีเลี้ยงเด็กที่สะดวก
5. คิดว่าการทำงานนอกบ้านสนุกกว่าการเลี้ยงดูเด็ก
6. ชอบบ่นอยู่เสมอ บางคราวถึงกับโมโหดุเด็ก
7. ไม่ค่อยชอบชมหรือกล่าวยกย่องเด็กนัก
8. คิดว่าลูกเป็นเด็กเลยตามใจหรือทะนุถนอมเสียจนเกินควร
9. แม้จะนำลูกอายุ 0-3 ขวบไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงก็ไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเท่าใดนัก
10. ไม่ค่อยจะพยายามทำให้เด็กรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้น
11. ไม่เคยคิดว่าลูกโตขึ้นอย่างเข้มเข็ง

จุดบกพร่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว
1. ภรรยามักจะมีสิทธิ์ในบ้านมากกว่าสามี
2. สามีและภรรยามีความเห็นไม่ตรงกันในการเลี้ยงลูก
3. พ่อแทบจะไม่สนใจในตัวเด็กหรือสนใจที่จะเลี้ยงดูเด็กเลย
4. เนื่องจากพ่อแม่มีเวลาว่างมากจึงมักเดินทอดน่องไปมาให้เด็กเห็นอยู่เรื่อยๆ
5. แม่มักจะมีงานยุ่งอยู่เสมอ จนรู้สึกว่าเด็กเป็นตัวเกะกะก่อความรำคาญ
6. ครอบครัวมักจะวุ่นเกี่ยวกับเรื่องผู้ใหญ่มากกว่าปัญหาของเด็ก
7. ทั้งสามีและภรรยาเกลียดการอยู่รวมเป็นครอบครัวใหญ่ เพียงแต่คิดว่าจะอยู่รวมกับปู่ย่าตายายก็รู้สึกขนลุกเสียแล้ว
8. เมื่อมองจากเด็กจะรู้สึกว่าแม่น่ากลัวกว่าพ่อ
9. กำลังคิดว่าจะหย่ากับสามี(หรือภรรยา) โดยไม่คิดว่าบ้านปัจจุบันเป็นบ้านที่น่าอยู่แต่อย่างไร
10. แม่ไม่รู้จักวิธีจัดการเกี่ยวกับการเงินภายในบ้าน แถมทำงานบ้านไม่ค่อยเป็นความสัมพันธ์อันดีกับสังคมท้องถิ่น
1. เป็นผู้ที่ชอบพบปะคบหาสมาคมกับเพื่อนบ้านเรือนเคียง
2. มีเพื่อนหรือบุคคลที่จะปรึกษาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กอยู่ใกล้บ้าน
3. เคยให้เด็กข้างบ้านมากินอาหาร อาบน้ำหรือเรียนหนังสือในบ้านตน
4. เคยให้ความชวยเหลือหรือตักเตือนเด็กข้างบ้านเช่นเดียวกับลูกของตน
5. มีแนวโน้มที่จะปรึกษากับแม่บ้านคนอื่นๆเพื่อร่วมกันดูแลลูก
6. เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเป็นการรบกวนเพื่อนบ้าน ถ้าจะไหว้วานหรือไต่ถามเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก

ลักษณะของเด็กที่อาจจะเป็นโรคแม่ทำ โดยไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ

ทารก
1. ทารกมักจะอยู่นิ่งๆเสียมาก
2. มักจะไม่แสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา แต่จะมีสีหน้าค่อนข้างเย็นชา
3. กลางวันไม่ค่อยจะยอมนอน กลางคืนก็มักจะนอนดึกเป็นประจำ
4. อุณหภูมิในร่างกายค่อยข้างต่ำ ถ้าร่างกายปกติไม่มีไข้ โดยเฉลี่ยแล้วไม่เคยสูงเกินกว่า 37 องศาเซลเซียส
5. อุ้มขึ้นลงแล้วไม่ดีใจ แต่กลับกลัว
6. เล่นด้วยเช่นเกว่งตัวไปมาก็ไม่ดีใจ ไม่ยิ้มหัว
7. เกลียดการที่จะดูดนมเมื่อโดนอุ้ม ชอบนอนดูดนมในเปลมากกว่า

เด็กเล็ก
1. มักจะใช้เวลาอยู่คนเดียวเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเป็นกิจลักษณะ
2. ไม่ค่อยจะเล่นกับเพื่อนๆ ไม่ยอมเข้ากับเพื่อนๆได้ง่ายๆ
3. ไม่รู้สึกอยากกินอาหารอร่อยใดๆ
4. เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นแล้วค่อนข้างจะเชื่องช้าอย่างเห็นได้ชัด มีแนวโน้มที่จะเอาแต่ใจตัวเองและชอบให้พ่อแม่ตามใจ
5. ใส่เสื้อผ้าหนาๆเพราะขี้หนาว
6. ไม่มีความรู้สึกอยากจะช่วยพ่อแม่ทำงาน
7. ไม่ชอบไปโรงเรียนเตรียมอนุบาล หรือโรงเรียนอนุบาล มักจะหยุดเรียนเป็นประจำวัยเรียน(นักเรียนประถม)
1. ไม่ชอบออกไปเล่นนอกบ้านกับเด็กคนอื่น ชอบจะเล่นในบ้านคนเดียว
2. มักจะแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย ไม่ยอมทำอะไรเป็นกิจลักษณะ ชอบอยู่เฉยๆคล้ายกับไม่มีอะไรจะทำ
3. เอาแต่ใจตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ต้องให้พาอแม่ตามใจเป็นอย่างมาก
4. ไม่ยอมช่วยพ่อแม่ทำอะไร และไม่คิดอยากจะช่วยเลยแม้แต่น้อย
5. ไม่นอมเล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับพ่อแม่ ไม่เคยหยอกล้อกับพ่อแม่
6. ไม่เคยนั่งรถเมล์หรือรถไฟคนเดียว พ่อแม่ก็ไม่เคยฝึกให้ทำเช่นนั้น
7. ชอบโทรทัศน์มาก สามารถจะนั่งดูคนเดียวได้เป็นวัน
8. ไม่ชอบไปโรงเรียน มักหยุดโรงเรียนเป็นประจำ
9. ได้รับค่าขนมจากพ่อแม่ทั้งๆที่ไม่เคยช่วยพ่อแม่ทำงาน และรู้สึกว่าจะได้รับมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
10. ทั้งๆที่อยู่ในวัยที่ควรได้รับการปฏิบัติคล้ายผู้ใหญ่แล่ว แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเด็กอยู่ตลอดเวลา


ความสัมพันธ์กับเด็กในแต่ละช่วงอายุพิจารณาจากการพัฒนาและช่วงอายุ

0-1ขวบ
พื้นฐานของมนุษย์ ยืน เดิน มือ พูด พัฒนาจากการกระตุ้นและสัมผัส

1-3 ขวบ
อุปนิสัยและปัญญา สร้างความทรงจำที่เกี่ยวกับแม่ ความสัมพันธ์ที่ดีของแม่และเด็ก
เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบที่ไม่รู้สึกอะไรเมื่อไม่อยู่กับพ่อแม่ หรือหลงทางกับพ่อแม่แล้วไม่ร้อง แสดงถึงความสัมพันธ์อันเจือจาง

3-6 ขวบ
เรียนรู้สังคม ความสัมพันธ์แม่และเด็กเป็นพื้นฐาน ฝึกให้อยู่ห่างจากแม่บ้าง การรู้จักปฏิบัติกับผู้อื่น
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ถ้ากลับจากโรงเรียนแล้วออกไปเล่นกับเพื่อน แสดงว่าดี

6-10 ขวบ
เล่นเต็มที่ ทำงานบ้านเต็มที่ สร้างความอดทน พยายาม ฝึกฝนตนเอง
ฝึกให้ช่วยงานบ้าน ความรับผิดชอบ ภาระหน้าที่
จิตสำนึกความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรติดพ่อแม่โดยที่ทำอะไรไม่เป็น

10-15 ขวบ
ฝึกเข้าสมาคมและเป็นผู้ใหญ่ ปฏิบัติกับลูกเหมือนเป็นผู้ใหญ่




ปล. .... ขอขอบคุณ http://arlim.exteen.com ที่สรุปไว้ ...

ความคิดเห็น

  1. 5555 กลัวจะเป็นอย่างนั้นหรือคะ อิอิ

    ตอบลบ
  2. ม่ายกลัวคับ เจออยู่เร้ยย..ย พี่สาว ... ฮิฮิ..

    ตอบลบ
  3. เลี้ยงลูกอยากเจงๆ ดีนะที่เป็นโสด 555

    ตอบลบ
  4. 55...5 เป็นงั้นไปพี่ ...
    เรามีข้อมูลเยอะ ก็จะทำให้เข้าใจปัญหา และพร้อมรับมือและจัดการนะคับ
    แต่ใช่..ยากจนเกินเร้ย..ย ซะเมื่อไร ฮิฮิ.. อย่าเพิ่งตัดสินใจไม่มีลูกซะหล่ะคับ:)

    ตอบลบ
  5. เป็นงั้นไป 55...5
    อย่าเพิ่ง.. ตัดสินใจ ไม่มีลูกซะหล่ะ ฮิฮิ

    ตอบลบ
  6. แม่ตูนมีเล่มนี้นะ ยืมมั้ย?

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณคับ แม่ตูน จัดมาเรียบร้อยแร้วว..ว คับ:)

    ตอบลบ
  8. วันนั้นเห็นเล่มนี้อยู่บนแผง สนใจอยู่เหมือนกัน
    แต่ยังไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่าแม่ย๊างไม่ได้ทำเร้ยยยยยยยย

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณครับ ต้องไปสำรวจหน่อยแล้ว

    ตอบลบ
  10. ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ++++++++

    ตอบลบ
  11. ในความหมาย น่าจะเป็นทั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจนะคับ ..

    ตอบลบ
  12. จิง..เจง .. คับ

    ตอนไม่มีแม่อยู่ด้วย ดูจะเก่ง มั่กมาก ..
    มีแม่อยู่ด้วย ..จะติดอ้อนๆ ...
    หรือว่า .. ต้องหาแม่ใหม่ ..ฮิฮิ..

    เล่นมุข...หัวแตก ... 555....5

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณนะคะ แอบเข้ามาอ่านสาระดีๆเตรียมไว้เลี้ยงลูกอะคะ แต่เพิ่งท้องได้ห้าเดือนเองคะ :)

    ตอบลบ
  14. อีก 4 เดือนเอง ..ก้อเจอหน้ากันแร้วว..ว เตรียมรับมือล่วงหน้าดีคับ ..

    ตอบลบ
  15. มาก๊อปไปอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  16. หาหนังสือจิคับ ถึงจะถูก ..ฮิฮิ..

    ตอบลบ
  17. ก๊อปเสร็จแล๊วมานั่งอ่านถึงรู้ว่าต้อง ซื้อสถานเดียวไงคะ.. แหะๆๆ

    ตอบลบ
  18. 55...5
    ไม่งั้น รอ 15 วัน .. ^ __ ^

    ตอบลบ
  19. ขอขอบคุณด้วยเช่นกันคับพ้ม
    สำหรับความเห็น และข้อมูลดีๆคับ:)

    ตอบลบ
  20. ยังไม่มีเลย แต่ว่าเดี๋ยวจะสั่งละ

    ตอบลบ
  21. รักลูกให้ถูกทาง ลูกจะได้ไม่ว่าพ่อแ่ม่ทีหลัง ว่า พ่อแม่รังแกฉัน
    รักลูกต้องให้วัคซีนใจ เพื่อต่อต้านความทุกข์ต่างๆ เข้มแข็งและยืนหยัด มั่นคง
    อยู่อย่างเป็นสุข และ ฝากควาดีให้คนรุ่นต่อไประลึกถึง
    จริงๆด้วยนะคะ พ่อแม่ก็ห่วง หวง รัก ลูก แต่ต้องไม่ลืมว่า
    วันที่เราไม่อยู่แล้ว ลูกสามารถอยู่ในโลกนี้ได้เอง พ่อแม่ก็สบายใจล่ะค่ะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม