บทสนทนาผ่านรายการวิทยุสาวิกา ช่วง สาวิกาสิกขาลัย






ป๊าเนตรได้รับเกียรติ จากคุณยายจ๋า ถ่ายทอดเรื่องราวของลูกโซ่ ผ่านรายการวิทยุสาวิกา ช่วง สาวิกาสิกขาลัย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน 2549
.......................................

 
ช่วงสาวิกาสิกขาลัย
คุณจำนรรจา : กลับเข้ามาสู่ในช่วงของสาวิกานะคะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชื่อว่าสาวิกา สิกขาลัย วันนี้จริง ๆ แล้ว เราต้องเรียนคุณผู้ฟังตามตรงนะคะว่า ในธรรมศาลาเราเนี่ย มีคุณพ่อคุณแม่มากมายเลยค่ะ หลายสิบคู่นั่งอยู่กัน และก็มีหลายคู่ เห็นได้ชัดเจนว่าทั้งคุณพ่อและคุณแม่หน้าตามีความสุขและมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเวลาที่คุณแม่ศันสนีย์ได้พูดคุยอยู่นะคะ และนอกจากนี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่มีครรภ์ แม่มีน้องอยู่ในท้องนะคะ แต่ว่ามีคุณพ่อคุณแม่ที่มีน้อง ๆ เกิดมาแล้วเช่น ลูกโซ่ คุณแม่คะ น้องโซ่อายุประมาณซักสิบเดือน
แต่ว่าเดี๋ยวเรามาพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่น้องโซ่ ดีกว่า เพื่อที่จะได้รับรู้ว่า คุณพ่อคุณแม่น้องโซ่นั้น มีประสบการณ์อะไรยังไงบ้างนะคะ

ท่านแม่ชี : คุณแม่ชวนคุณพ่อน้องโซ่มาร่วมอยู่ในโครงการจิตประภัสสรซักกี่ครั้งแล้วลูก ตอนที่โซ่อยู่ในท้อง
คุณพ่อน้องโซ่ : คือปกติก็ได้มีโอกาสมาเยี่ยม มาพักผ่อน มาฟังคำสั่งสอนของท่านแม่ชีอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าตอนนั้นไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับโครงการ ก็ได้พาหลานมาแล้วไปเจอคุณครูแอ๊ว ซึ่งสอนบาติกอยู่ ได้แนะนำ ตอนนั้นโซ่อยู่ในท้องห้าเดือน ผมกับแม่น้องโซ่ก็พยามหาวิธีจะเลี้ยงลูกอยู่แล้วครับ ก็ถือเป็นความโชคดีครับที่ได้มีโอกาสมารู้เกี่ยวกับเรื่องโครงการจิตประภัสสร
ท่านแม่ชี : น้องโซ่เป็นยังไงบ้าง โซ่มาอยู่ในโครงการนี้ตอนห้าเดือน ตอนนี้ออกมาแล้วสิบเดือน ลองประเมิณผลการทำงานของพ่อแม่ที่มีต่อลูกซิ
คุณพ่อน้องโซ่ : ตอนนั้นมา ก็มาตลอดจนถึงช่วงเก้าเดือนก่อนจะคลอดนะครับ พัฒนาการของเค้าเปรียบเทียบกับเด็กโดยทั่วไป เค้าจะเร็วกว่ามาก หรือแม้แต่สรีระ แม้ความจริงพ่อกับแม่ค่อนข้างที่จะตัวเล็กด้วยซ้ำ แต่ว่าเค้าเองจะสูงใหญ่ ยาว ค่อนข้างจะมากกว่าเด็กปกติด้วย แล้วก็เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ใกล้เคียงกัน อย่างลูกของเพื่อน คลอดก่อนสิบวันแต่เป็นเพศหญิงนะครับ ทางนั้นนี่จะช้ากว่ามาก แต่ตรงนี้ผมก็ยังไม่คิดว่าจะช่ะล่าใจครับ พอเราสำเร็จเป็นขั้น ๆ แล้วเนี่ย แล้วก็จะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ได้แล้ว ต้องบอกคุณแม่ด้วยเหมือนกัน ว่ามันต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ท่านแม่ชี : ตลอดชีวิตของลูกโซ่เลยล่ะ แม่จะบอกให้ แต่ว่าเราได้โอกาสดีหน่อย คือเราเริ่มสตาร์ทกับเค้าเร็ว หลายคนจะสตาร์ทกับลูกตอนที่ลูกเกิดแล้ว แล้วคิดว่าตอนนั้นลูกถึงจะสื่อสารกับเรา โดยการใช้หูได้ยินเสียงเรา แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเด็กตั้งแต่พ่อแม่เตรียมตัวที่จะมีครรภ์ ยังไม่มีเลยนะ เตรียมตัว ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบกันก่อนเลย อีกหนึ่งปฏิสนธิจิตจะมาอยู่ในครรภ์ของเราเนี่ย จะเป็นจิตที่ประภัสสรมาเลยนะ
เพราะฉะนั้นย่อสั้นที่สุดเลย ก็คือได้ของดีมาเลย เพราะว่าฐานแห่งการรองรับอีกหนึ่งชีวิตนี่มันอยู่ในกุศล เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำงาน เราถึงทำงานและพิจารณาดูกันเป็นช่วงเลยว่า ตอนนี้โครงการจิตประภัสสรเริ่มมีคนเข้ามาตั้งแต่ยังไม่ได้มีน้อง เริ่มแต่งงาน มาคุยกันเรื่องภาวนากับความรัก เริ่มเตรียมตัวที่จะมีจิตประภัสสรมานอนอยู่ในครรภ์ แล้วก็ไล่เข้ามา ช่วงหนึ่งไตรมาสเป็นช่วงสามเดือนแรก และไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีคนที่เดินเข้ามาเพราะเริ่มเห็น โครงการนี้ บางคนมาแปดเดือน เมื่อวานนี้แปดเดือนพึ่งมานะ แต่ก็ยังไม่สายนะคะ
เราสามารถที่จะยังสื่อสารกับทุกชีวิต ที่อยู่ในท้องได้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่เราทำได้ แล้วนั่นหมายถึงการลงทุน เราปักหมุดตัวแรกลงไปในเรื่องของการเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมมิติทางสังคมให้กับลูก จะสังเกตุว่าโซ่จะมองคุณยายพูดอยู่ตลอดเวลา แล้วมองอยู่นาน ใส ๆ จะหลบไปยิ้มบ้าง ถ้าเวลายายหันไปมองก็จะเริ่มมีความอาย เริ่มเก้อเขิน แต่จริง ๆ แล้ว เค้าสนใจ
เวลาที่เราบอกว่าเราได้เด็กหนึ่งคนในช่วงของการเลี้ยงมาสิบเดือน ที่เราเห็นพัฒนาการของเค้า ทั้งทางร่างกายที่โต เพราะว่าพ่อแม่ตัวเล็กจริง ๆ นะ แต่ลูกนี่ตัวบึ้กเลยนะ แม่บอกว่านี่โต สิบเดือนที่โต ก็แสดงว่าการใส่ใจของพ่อแม่ที่จะให้ในเรื่องของกายและใจกับลูกเป็นทุน เป็นทุนกับไอ้เจ้าตัวน้อยนี้ เล่าความน่ารักของโซ่ให้ฟังหน่อยซิ

คุณพ่อน้องโซ่ : คือไม่คิดว่าเค้าจะไวขนาดนี้ คนอื่นยังเตาะแตะหรือยังงอแง เค้ากอดแล้ว และสื่อสารกับเค้ารู้เรื่อง
ท่านแม่ชี : เมื่อกี้นี้สวัสดีคุณยายแล้ว ให้สวัสดีจ้ะ วันนี้เป็นดอกไม้บานหรือเปล่าคะ เวลาที่เค้าถูกดุ เค้าจะแบบเหมือนเรากำลังสอนลูกเราเรียนรู้ แม่ว่าตอนนี้เค้ากำลังเรียนรู้
คุณพ่อน้องโซ่ : ก็คิดว่าจริง ๆ จะขอย้ำว่า มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการจิตประภัสสรค่อนข้างจะช้านิดนึง แต่ก็คิดว่าเป็นทางจริง ๆ นะครับว่า
ท่านแม่ชี : ห้าเดือนก็ยังมีโอกาสอยู่ ยังมีอีกตั้งสี่เดือน ไม่เรียกว่าช้า เดี๋ยวพวกที่มาใหม่จะใจเสีย ไม่เรียกว่าช้า คือเร็วที่สุด คุณยายก็จะพยายามพูดถึงเรื่องเร็วที่สุดไว้ก่อน แต่ว่าถ้าเผื่อว่าเราต่อเนื่องแม้กระทั่งส้มมาสิบเดือนแล้ว ต่อไปอีกจนสิบปี เราให้ลูกเป็นคนที่พร้อมที่จะเรียนรู้กับความจริงของชีวิต เราจะเป็นคนที่นอนตายตาหลับ
เราต้องเลี้ยงเค้าเพื่อให้เค้าเกิดมาแล้ว เค้ารู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือชีวิต เราทำให้เค้ารู้ว่าชีวิตคือสิ่งที่งดงาม ชีวิตไม่ใช่ความทุกข์และเวลาที่เค้า

งดงาม เค้าจะอยู่กับสิ่งที่มันเป็น อย่างคนที่ไม่ทุกข์ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไร เค้าจะมีความสุขที่จะเปิดใจกว้าง แล้วก็ถอดถอนการมีอคติและเพ่งโทษ ซึ่งตัวนี้มันจะถูกฝังไว้ ถ้าแม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ มีอคติ ลูกอยู่ในท้องได้แล้ว เราถึงรีบมาช้อนกันก่อน พ่อต้องช่วยแม่นะ อย่าให้แม่มีอคติในช่วงที่ตั้งท้อง อย่าทำอะไรให้เกิดความหวาดระแวงนะ เพราะว่าไอ้แกนสมองของลูก มันมีสิ่งนี้เข้าไปแล้วอยู่ไปตลอดชีวิตของเด็ก
งั้นเวลาที่เราบอกว่า เวลาที่เราให้โอกาสแห่งการเรียนรู้ของไอ้เจ้าตัวน้อย มันเติบโตได้ไปตามวัย อย่างคนที่ให้เค้าพึ่งพาตัวเองได้ พอเราเห็นลูกเราพึ่งพาตัวเองได้ เราไม่ห่วง ไม่ใช่ลูกหาเงินได้ เราถึงจะไม่ห่วง ถ้าเราพบแล้วนี่ว่า เงินไม่ได้ทำให้ลูกเรารอด มีเงินมากอาจจะอันตรายมากด้วย เพราะฉะนั้นให้เค้ามีอริยทรัพย์ ควบคุมทรัพย์ภายนอก

เวลาที่เด็กหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวแห่งสติปัญญา สติปัญญาเป็นอริยทรัพย์นะคะ เวลาที่เด็กหนึ่งคนได้รับการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งปัญญา ตั้งแต่เค้ามีโอกาสในขณะที่เรารู้จักที่จะแบ่งเวลา พลังงานของเรา เพื่อการปักหมุดลงไปในหัวใจของลูก เราจะเป็นคนที่ได้ลงทุนแล้ว แล้วจากนี้กำไรก็จะเกิดขึ้นในชีวิตของลูกเรา เราก็จะโล่งใจ แม่ก็เริ่มมองเห็นการเติบโตของเด็ก ๆ ตอนนี้ ขวบกว่า เพราะโครงการจิตประภัสสรทำมา ตอนนี้สองปีกว่า ก็ทุกคนในขวบกว่าขึ้นไป ก็จะมีเรื่องเล่าให้เรื่องของโรงเรียนพ่อแม่ ที่น่าตามดู

ตอนนี้เราทำเรื่องโรงเรียนพ่อแม่ รองรับจิตประภัสสรเ พราะตอนนี้จะเห็นว่าในองค์ประกอบของการทำงานในแต่ละอาทิตย์ของเรา มันจะมีมุมที่เป็นโรงเรียนของพ่อแม่ ที่จะเริ่มเป็นครูคนแรกของลูก แล้วทุกอย่างมันจะเกิดอย่างคนที่มีเศรษฐกิจพอเพียง แม่เชื่อว่าปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะช่วยให้พวกเรามีความสุขในบทบาทและหน้าที่ที่เราเป็นอย่างคนที่ ไม่รอว่าเราต้องทะเยอทะยานให้ได้ ในสิ่งที่จะต้องไปให้ได้ แล้วเราถึงจะมีความสุข แต่เราจะมีความสุขในขณะที่ทำงาน เราจะได้ทั้งความสุขในขณะที่ทำงานและเป้าหมายที่เราอยากจะได้ภายนอกอย่างเป็นสุข ไม่รอว่าไปถึงแล้วถึงจะมีความสุข แต่สุขแล้วที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราก็ถึงเป้าหมายแล้ว

อันนี้ก็ขอบคุณคุณพ่อ ขอบคุณหลาน ที่มานั่งให้กำลังใจยายจ๋า ตาใสมากเลย เด็กตาโต ยิ้มอีกแน่ะ ตาโตใหญ่อย่างนี้นะคะ เค้าบอกว่าเป็นเด็กฉลาด เพราะฉะนั้นอย่าไปปิดบังความเฉลียวฉลาดของลูก โดยการยัดเยียดให้ลูกเราเหมือนใครนะคะ ให้เค้าเป็นอย่างที่เค้าเป็นและเป็นอย่างมีความสุขที่ได้เป็น

คุณจำนรรจา : ค่ะ ต้องขอบคุณครอบครัวของลูกโซ่นะคะ คุณพ่อและคุณแม่ด้วยนะคะ ค่ะ ในช่วงของสาวิกาสิขาลัย ยังมีเรื่องราวของโครงการจิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์ ไม่ทราบว่าคุณแม่จะมีอะไรพ่วงท้ายต่อมั้ยคะ เพราะว่าเดี๋ยวเราจะเข้าไปสู่ช่วงของลมหายใจแห่งสติ ก่อนที่จะเข้าไปสู่ช่วงลมหายใจแห่งสติค่ะ
ท่านแม่ชี : ก็เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ที่กำลังอยู่ทางบ้าน แล้วก็ สาว ๆ อีกหลายคนที่มาปฏิบัติธรรม ก็ได้เห็นโครงการนี้ในอาทิตย์แรกของเดือน ในเสถียรธรรมสถานจะเป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ ครึ่งศาลาก็จะเป็นสามสิบครอบครัวนะคะ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ที่ทยอยมานะคะ แล้วก็มีบางครอบครัวที่มาแล้วมากกว่าสองครั้ง ซึ่งแม่เองก็พึ่งเห็นการรายงานมาในช่วงเวลาของการตั้งครรภ์นี่ก็อยู่ในช่วงตั้งแต่เตรียมตัวมีครรภ์ ไปจนถึงขณะนี้นะคะ เจ็ดเดือน
และถ้าเผื่อเราสามารถที่จะทำให้ผู้ฟังทางบ้าน ซึ่งอาจจะไม่มีโอกาสที่ได้มา เสถียรธรรมสถาน รู้ว่างานของเรา เราจะพูดเสมอเลยว่าในช่วงแรกที่ลูกอยู่ในครรภ์เนี่ย ครรภ์ของแม่ก็คือโลกที่กำลังหล่อเลี้ยงลูกน้อยของเรา ครรภ์ของแม่คือโลกของลูก ฉะนั้นอยากให้ลูกเป็นอย่างไรทำให้ครรภ์ของพ่อแม่ที่กำลังดูแล แม่ไม่ใช้ครรภ์ของแม่อย่างเดียว ต้องบอกว่าครรภ์ของพ่อแม่ด้วย เพราะที่นั่งอยู่นี่พ่อแม่ทั้งนั้นนะคะ ใครที่มาคนเดียวก็จะเป็นเพราะว่าพ่อติดงาน สมัยก่อน แม่มาคนเดียวเยอะ แต่สองสามเดือนหลัง พ่อมาด้วย แล้วเราก็รู้สึกเลยว่า พ่อใส่ใจ แสดงว่าเค้ากลับไปแล้วเค้าต้องพูดคุยกันอย่างใจกว้างและวางอคติและมีความสุข

ฉะนั้นในทุกต้นเดือน ถ้าท่านผู้ฟังทางบ้าน ใครที่มีลูกอยู่ในท้อง อยากจะมาเดินเล่นกับพวกเรา ถ้าเป็นอาทิตย์ที่สามก็หมายถึงลูกออกแล้ว อย่างโซ่อย่างนี้ ลูกออกแล้วเค้าก็จะมาทำโรงเรียนพ่อแม่ เราทำทุกอาทิตย์ไม่ไหวเพราะงานมันเยอะ แต่เราพยายามที่จะสลับกันให้เด็กได้มีโอกาสที่จะได้มาศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม อันเป็นเครื่องออกจากทุกข์ ตั้งแต่เค้ายังไม่ได้ออกมาเห็นโลก แล้วเราก็พบว่าพระนางผุสดี ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ปรารถนาที่จะมาเป็นพระพุทธมารดา ต้องเตรียมตัวนับชาติไม่ได้เลยนะ กว่าจะมาเป็นแม่ของมหาบุรุษเนี่ย

เราไม่ต้องถึงขนาดนั้น แต่เราเตรียมตัวในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ของการให้ชีวิตคน พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกเป็นอย่างนั้น พ่อแม่มีความสุขอย่างไร โลกของลูกมีความสุขอย่างนั้น เพราะฉะนั้นครรภ์ของลูกควรจะเป็นความสุขของลูก เราอยากให้เด็ก ๆ รู้ว่าชีวิตเกิดมาแล้ว เค้าสามารถอยู่กับความจริงได้อย่างไม่ทุกข์ และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องให้ไว้ เพราะจากนี้ไป โลกจะวิปริตมากกว่านี้ โลกจะไม่ดีขึ้น
แต่ถ้าอีกหนึ่งเจเนอเรชั่นของช่วงชีวิตของเด็กที่ได้ถูกเตรียมตัวมาอย่างดีมีมากขึ้น แม่ใช้การทำงานในสามปีแรกที่แม่ทำ แล้วเก็บรายละเอียด เป็นงานวิจัยเอาไว้ก่อน แล้วอาจจะช่วยถอดความรู้อันนี้เข้าไปในการทำงานที่เป็นโครงสร้างของรัฐบาลว่า ถ้าเราจะเตรียมตัวเรื่องการทำงานสุขภาพคน ไม่ใช่จะรอสามสิบบาทรักษาทุกโรค แต่เราหมายถึงว่าทุกลมหายใจแห่งสติของเรา คือชีวิตอีกหนึ่งชีวิต จากนี้ทุกลมหายใจแห่งความตระหนักรู้ของเรา ของพ่อแม่ หมายถึงโลกของลูก พ่อแม่ก็ต้องเสียสละนะ ต้องอุทิศหน่อย แล้วก็ต้องบอกว่า ลูกไม่ใช่สมบัติของเรา สุดท้ายในวันนี้ ลูกคือสิ่งที่ดีงามของโลกใบนี้ อยากให้โลกใบนี้เป็นอย่างไร พ่อแม่ให้ลูกที่ดีกับโลกสิ ไม่ใช่ลูกเรา แต่เค้าเป็นลูกของโลกเลย
แล้วสังคมของเด็กที่อยู่ในชุมชนแห่งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะเป็นชุมชนที่ส่งเสริมให้เกิดกัลยาณมิตร คือมิตรที่ชี้ช่องทางที่ถูกต้อง และเวลาที่เค้าไปสื่อสารกับเด็กคนอื่น เค้าจะเข้าใจเพื่อนที่อยู่ข้างหน้าเค้าว่า เค้าจะเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กับเด็กคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสอย่างเขาอย่างไร เค้าจะจิตใจไม่คับแคบ เขาจะทำงานอย่างโพธิจิต

คุณจำนรรจา : คงไม่ต้องสรุปให้คุณผู้ฟัง ๆ นะคะว่า โครงการจิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์นั้นเป็นอย่างไร เราคงจะต้องติดตามสัปดาห์ที่หนึ่งของเดือนนะคะ แล้วก็สัปดาห์ที่สามของเดือนก็คงจะเป็นเรื่องของ คุณพ่อคุณแม่นั่นก็คือโรงเรียนพ่อแม่ค่ะ วันนี้ดิฉันจะต้องลาไปก่อน แต่เดี๋ยวดิฉันจะต้องเข้ามาสู่ช่วงของ ลมหายใจแห่งสติค่ะ
ที่มา: http://www.sdsweb.org/th/index.php?topgroupid=1&subgroupid=45&groupid=7

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม